Social Share

ICSI (Intracytoplasmic Sperm Injection) หรือ อิ๊กซี่ เป็นเทคโนโลยีทางการแพทย์ระดับสูงใช้เพื่อแก้ปัญหาภาวะมีบุตรยากโดยเฉพาะ เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพราะเป็นวิธีที่มีความปลอดภัย สามารถคัดกรองโรคที่จะส่งต่อไปยังทารกได้ อีกทั้งเป็นวิธีที่มีโอกาสที่จะประสบความสำเร็จสูงกว่าการทำวิธีอื่นๆ อีกด้วย

ICSI คือ กระบวนการทางแพทย์ที่ช่วยในเรื่องการเจริญพันธุ์ในเชิงของการปฏิสนธินอกร่างกาย ถูกพัฒนาขึ้นมาจากการทำเด็กหลอดแก้ว (IVF) แต่ ICSI มีโอกาสสำเร็จสูงกว่ามาก เพราะการใช้วิธี ICSI จะมีกระบวนการคัดกรองน้ำเชื้อและไข่ที่มีความสมบูรณ์ที่สุดเพื่อนำมาปฏิสนธิ และเป็นการทำ “ปฏิสนธิแบบจงใจ” หรือก็คือการช่วยทำการปฏิสนธิให้เลย ด้วยการฉีดอสุจิที่แข็งแรงที่สุดเข้าไปในเซลล์ไข่โดยตรง อสุจิไม่ต้องเจาะเข้าไปเอง อัตราความเป็นไปได้และโอกาสได้ผลจนเกิดการตั้งครรภ์จึงสูงมาก  ช่วยแก้ปัญหาเรื่องของการมีบุตรยากของคู่ที่มีปัญหาอายุมาก หรือปัญหาด้านสุขภาพของระบบเจริญพันธุ์ (เช่น ไข่เปลือกหนาแข็งจนอสุจิเจาะเข้าไปไม่ได้ น้ำเชื้ออ่อนแอ เป็นหมัน) หรือลองทำเด็กหลอดแก้วมาแล้วหลายวิธีแต่ไม่ประสบความสำเร็จ

กระบวนการทำอิ๊กซี่ (ICSI)

  1. ตรวจและกระตุ้นไข่ ก่อนการทำอิ๊กซี่จำเป็นจะต้องมีการตรวจเพื่อดูความพร้อมของร่างกายว่าเหมาะสมกับการทำอิ๊กซี่หรือไม่ โดยประเมินการทำงานของรังไข่ จากนั้นจะตรวจอัลตราซาวด์เพื่อนับจำนวนไข่ของรอบเดือนนั้นๆ ก่อนที่จะเริ่มกระบวนการฉีดกระตุ้นไข่ จากนั้นแพทย์จะตรวจวัดระดับฮอร์โมนประกอบกับอัลตราซาวด์เป็นระยะ เพื่อติดตามผลการเจริญเติบโตของไข่ดูปริมาณและขนาดที่เหมาะสมในการเก็บ
  2. แพทย์จะทำการเก็บไข่ผ่านทางช่องคลอด โดยนำเข็มขนาดเล็กที่ติดหัวอัลตราซาวด์ค่อยๆ สอดเข้าไปส่องหาไข่ ก่อนจะทำการเจาะดูดไข่ออกมาเลี้ยงในน้ำยาเลี้ยงไข่เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการปฏิสนธิ
  3. เก็บน้ำเชื้ออสุจิในวันเดียวกับที่เก็บไข่ เพื่อนำไปปฏิสนธิ ก่อนวันเก็บน้ำเชื้อสามีภรรยาควรงดมีกิจกรรมทางเพศ (รวมถึงการช่วยตัวเอง) ประมาณ 3-7 วัน แพทย์จะให้ใช้วิธีการช่วยตัวเองให้หลั่งใส่ในภาชนะปลอดเชื้อหรือใช้วิธีเก็บน้ำเชื้อโดยการนำเข็มดูดออกทางลูกอัณฑะในผู้ที่มีปัญหาสมรรถภาพทางเพศ เช่น เป็นหมัน อวัยวะไม่แข็งตัว จากนั้นแพทย์จะนำน้ำเชื้อไปยังห้องปฏิบัติการเพื่อเข้าสู่กระบวนการคัดกรองอสุจิเพื่อเลือกตัวที่สมบูรณ์และแข็งแรงที่สุดแล้วทำการปฏิสนธิ
  4. เลี้ยงตัวอ่อน 5-6 วันในห้องปฏิบัติการ โดยควบคุมอุณหภูมิ ความสว่าง แสง แรงดัน และความชื้น รวมถึงความเป็นกรด ด่างและก๊าซในปริมาณที่เหมาะสม โดยเลียนแบบให้ใกล้เคียงกับสภาวะภายในร่างกายคนมากที่สุด จนถึงระยะเวลาที่ตัวอ่อนแข็งแรง แล้วจึงค่อยนำกลับใส่เข้าไปที่โพรงมดลูก
  5. ย้ายตัวอ่อนกลับเข้าสู่โพรงมดลูก การย้ายตัวอ่อนมี 2 แบบ
    • การย้ายรอบย้ายสด ทำการย้ายตัวอ่อนเข้าสู่โพรงมดลูกหลังเลี้ยงตามเวลา
    • การย้ายรอบแช่แข็ง โดยส่วนมากแพทย์จะแนะนำให้แช่แข็งตัวอ่อนไว้ก่อน เพื่อเตรียมความพร้อมของคนไข้ เนื่องจากผลข้างเคียงจากการกระตุ้นไข่ที่ทำให้ฮอร์โมนสูง ทำให้เกิดมีภาวะบวมน้ำ หรือ ภาวะรังไข่ถูกกระตุ้นมากเกินไป (OHSS) และส่งผลกระทบถึงการตั้งครรภ์ได้ เมื่อคนไข้ได้พักและมีการเตรียมผนังมดลูกให้มีความพร้อมมากที่สุด จากนั้นแพทย์จะนัดมาย้ายตัวอ่อนเข้าโพรงมดลูก
  1. ตรวจติดตามหลังจากใส่ตัวอ่อนไปแล้วเป็นเวลา 7 – 10 วัน แพทย์จะนัดให้มาตรวจเลือดเพื่อดูระดับฮอร์โมนของการตั้งครรภ์ และมีการตรวจติดตามจนตัวอ่อนมีการพัฒนาขึ้นเรื่อย ๆ จนกว่าจะสามารถตรวจดูด้วยอัลตราซาวด์ได้เมื่ออายุของครรภ์มากขึ้น

 

ข้อดีของการทำอิ๊กซี่ (ICSI)

  1. โอกาสประสบความสำเร็จสูงมากกว่าวิธีอื่น ๆ
  2. หากพ่อหรือแม่คนใดคนหนึ่งมีเชื้อ HIV การทำอิ๊กซี่ (ICSI) ช่วยป้องกันการติดไปสู่ลูกได้ 99%
  3. กำหนดช่วงเวลาที่จะวางแผนจะตั้งครรภ์ได้ โดยให้แพทย์เก็บน้ำเชื้อและไข่ไว้เพื่อทำ ICSI ได้ สามารถเก็บไว้ได้ถึง 10 ปี ทั้งในผู้ที่วางแผนไว้ว่าจะมีลูกในตอนที่พร้อม คนโสดที่วางแผนมีครอบครัว รวมถึงผู้ป่วยโรคร้ายแรงที่กังวลว่าไข่หรือน้ำเชื้อจะเสื่อมหลังการรักษา
  4. ในกรณีที่ทำ ICSI และมีการผสมกันแล้วได้ตัวอ่อนหลายตัว มีตัวอ่อนเหลือสามารถเก็บไว้ทำครั้งต่อไปได้ โดยไม่ต้องกลับมาเริ่มขั้นตอนกระตุ้นไข่เก็บไข่ใหม่หากคนไข้พร้อมมีลูกคนต่อไปเมื่อไหร่สามารถกลับมาทำได้เรื่อยๆ
  5. ช่วยให้ตั้งครรภ์ที่มีความสมบูรณ์ได้แม้ในผู้ที่มีอายุมากแล้ว

 

—————————————————————

สามารถติดตาม Mommydaddylife ในช่องทาง Facebook 

 https://www.facebook.com/Mommydaddylifeofficial